นับตั้งแต่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด "เป็นวาระแห่งชาติ" โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยในฐานะภาคีเครือข่ายของหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศไทย ทั้งการป้องกัน ปราบปราม รวมถึงการบำบัดฟื้นฟูสภาพทางสังคมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อนำตัวเข้ารับการบำบัดให้กลับมาเป็นคนดีคืนสู่สังคมและครอบครัว รวมไปถึงการดูแลเด็กและเยาวชนให้ตระหนักถึงโทษของยาเสพติด
เปิดแผนปฏิบัติการทำสงครามยาเสพติด Kick Off1 ก.พ. นี้
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่ากระทรวง มหาดไทยโดยกรมการปกครองได้จัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan)การขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ "การแก้ไขปัญหายาเสพติด" ในระยะเร่งด่วน 3 เดือน ระหว่าง ก.พ. - เม.ย. 2567 โดยจะ "Kick Off" เปิดปฏิบัติการ
ตัดวงจรยาเสพติดอย่างเข้มข้นและเด็ดขาดทั้งแผ่นดิน พร้อมกันทั่วประเทศเริ่มต้นการประกาศทำสงครามยาเสพติด ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ดังนี้
ส่วนกลาง
•กิจกรรม D-Day แถลงนโยบาย ประกาศเจตนารมณ์
•ลงนาม MOU ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่าย
•กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เช่น เดินขบวนรณรงค์ เผาทำลายของกลาง
กรุงเทพมหานครและภูมิภาค
•จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์แสดงพลังต่อต้านยาเสพติด เช่น การปฏิญาณตน การเดินขบวนรณรงค์ การจัดนิทรรศการ ปล่อยแถวระดมกวาดล้างยาเสพติด
ภายใต้ 5 มาตรการ ได้แก่
1) มาตรการป้องกัน
2) มาตรการปราบปราม
3) มาตรการบำบัดรักษา
4) มาตรการฟื้นฟูสภาพทางสังคม
5) มาตรการประชาสัมพันธ์ และสร้างการมีส่วนร่วม
รัฐบาลเอาจริง บูรณาการปราบยาเสพติดเข้มข้น
พล.ต.ต.วรพจน์ ดิษยบุตร ผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า พร้อมสนับสนุน และเข้าร่วมทุกภารกิจที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง รวมทั้งการแก้ไขปัญหายาเสพติดของกระทรวงมหาดไทย การประสานงานเชื่อมต่อระหว่างกระทรวงมหาดไทย สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นการยกระดับความเข้มข้นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทิศทางเดียวกัน
ด้าน นพ.ศักดา อัลภาชน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยได้สร้างความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ (Health literacy) ให้กับประชาชนทุกพื้นที่ โดยจะเน้นหนักเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด นอกจากนี้ ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการวางกลไกนำผู้ป่วยเข้าสู่ศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม และการขยายหน่วยให้บริการในการสนับสนุนด้านการบำบัดฟื้นฟู เพื่อให้รองรับผู้ป่วยอย่างครอบคลุมและทั่วถึง และขยายโครงสร้างหน่วยงานพร้อมจัดการอบรมเจ้าหน้าที่ เพื่อนำผู้ป่วยยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มตั้งแต่กระบวนการ ค้นหา คัดกรองผู้ป่วยทางจิตเวช เพื่อเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูตามสถานที่ตามระดับ
การดำเนินการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติดโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (Community Based Treatment and Rehabilitation: CBTx) จำแนกแบ่งเป็นการรักษาด้วยยา และรักษาด้วยสังคม ซึ่งในปี 2567 จะเริ่มใช้ฐานการบำบัดชุมชน โดยมีกระทรวงมหาดไทยและสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมบูรณาการ
นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึงมาตรการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดฟื้นฟู สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยมุ่งเน้น 3 พื้นที่ คือ
•พื้นที่ผู้ติดยาเสพติด
•พื้นที่การค้ายาเสพติด
•พื้นที่ลักลอบนำเข้ายาเสพติด
เพื่อลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด รวมถึงการขยายผลเพื่อค้นหาแหล่งผลิต โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จะบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกด้านและทุกมิติ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
ประกาศ 3 แนวทางทำทันที เเก้ปัญหายาเสพติด
กรมการปกครอง และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น มีการบูรณาการงานและสนธิกำลังภาคีเครือข่ายดำเนินการ 3 แนวทางที่ต้องทำทันที (Action Now) ได้แก่
1.แสวงหาผู้ป่วยยาเสพติดทั้งรายเก่าและรายใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่เคยผ่านการบำบัดฟื้นฟูแล้วกลับไปเสพใหม่ ต้องนำเข้าสู่ระบบทันที และต้องเชิญผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ แพทย์ ครู ร่วมบำบัดรักษาในศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม โดยสามารถขอความเมตตาจากคณะสงฆ์ ใช้วัดเป็นสถานที่บำบัด ซึ่งสอดคล้องตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ที่กระทรวงมหาดไทยได้ลงนามร่วมกับคณะสงฆ์
2.คณะทำงานลงพื้นที่ตรวจติดตามและให้กำลังใจ ผู้ผ่านการบำบัดฟื้นฟูและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง
3.การรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ด้วยการบรรจุเข้าเป็นวาระการประชุมทุกการประชุม ระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อกระตุ้นให้ข้าราชการและบุคลากรภาครัฐได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการสร้างการตื่นรู้ และเห็นถึงการช่วยกันทำให้สังคมไทยปลอดจากยาเสพติด
มหาดไทยย้ำฝ่ายปกครอง พุ่งเป้า Re X-Ray ทุกพื้นที่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีนโยบายสำคัญในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเน้นย้ำให้ฝ่ายปกครอง พุ่งเป้า Re X-Ray ในทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อกวาดล้างสิ่งผิดกฎหมายและเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อทำให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย เกิดสวัสดิภาพ พี่น้องประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ชุมชนน่าอยู่ ประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่ต้องหวาดระแวงกับภัยอันตราย สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนหากมีเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และการกระทำความผิดทุกประเภท หรือมีเหตุสร้างความเดือดร้อนรำคาญ สามารถแจ้งข้อมูลและร้องเรียนร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเว็บไซต์ damrongdhama.dopa.go.th หรือแอปพลิเคชัน "Dopa Help" ทั้งระบบ Android และ iOS